Honkai: Star Rail สำเร็จงานเกมกาชาปัจจุบันของ HoYoverse ซึ่งเป็นเกมแรกของค่ายที่สร้างแนว RPG Tactical ผลัดเทิร์น แล้วด้วยเหตุว่ารายละเอียดเกมมีความเกี่ยวข้องกับจักรวาล Honkai Impact 3rd
รวมทั้งปรับปรุงโดยกลุ่มผู้ผลิตเดียวกับ Genshin Impact ก็ทำให้เกมนี้ได้รับความพึงพอใจจากชาวเกมเมอร์ผู้คนจำนวนมาก พวกเราได้โอกาสได้ทดลองเล่น Honkai: Star Rail ในตอน Closed Beta รอบลำดับที่สองอย่างเป็นทางการ แล้วพวกเรามีความรู้สึกเช่นไรจากการเล่นเกมนี้ ก็สามารถเข้ามาอ่านบทความพรีวิวของเกมนี้ได้เลย
*เนื่องด้วยพลาดการร่วมทดลอง Closed Beta ในรอบแรก ก็เลยไม่สามารถที่จะเทียบประสิทธิภาพเกมจากรอบทดลองที่ผ่านมาได้
ในเกมนี้ ผู้เล่นเล่นบทเป็น “ผู้ก่อตั้ง” ที่ตื่นจากการหลับเป็นระยะเวลานาน แล้วศึกษาและทำการค้นพบว่าภายในร่างกายตนเองบังเอิญมีเมล็ดพันธุ์ที่หายนะ “Stellaron” ที่บางทีอาจฯลฯโคนทำให้มนุษยชาติจำต้องหมดสิ้น ผู้ก่อตั้งก็เลยจำเป็นต้องเริ่มเดินทางร่วมกับ Dan Heng, March 7th, Himeko รวมทั้ง Welt ทั่วกาแล็กซีผ่านรถไฟ Astral Express เพื่อทำภารกิจรักษามนุษยชาติ ค้นหาความลับของจักรวาล พร้อมค้นหาเป้าหมายของการเดินทาง
จากการทดลองสัมผัสเล่นหนแรก เรื่องราว Star Rail มีเรื่องมีราวราวเกี่ยวกับการเสี่ยงอันตราย ที่ผู้ริเริ่มเริ่มเดินทางไปดาวพระเคราะห์ดวงต่างๆเพื่อขจัดปัญหาวิกฤตต่างๆรวมทั้งหาวิธีกำจัด Stellaron ซึ่งนำพามาสู่หายนะ โดยตลอดการเดินทางจะมีโมเมนต์น่าตื่นตาตื่นใจ การปลดปล่อยมุกเฮฮาหรือแซะกันระหว่างเพื่อนพ้อง การคลายเงื่อนความลับของดวงดาว แล้วพบปะสนทนากับเพื่อนพ้องใหม่ หรือไม่ก็ถูกดึงเข้าไปสามีพันกับสถานะการณ์บางสิ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ กระทั่งมีการปะทะแล้วเปลี่ยนเป็นศัตรูอีกฝั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้กระนั้นแต่ ตามสไตล์เกมแนวแฟนตาซี หรือเกมที่เบื้องหลังเป็นจักรวาลยักษ์ใหญ่ บางทีรายละเอียด Lore จะไม่กล่าวชี้แจงจากการเล่นเรื่องราวโดยตรง แต่ว่าจะบอกผ่านการอ่านหนังสือแทน ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มจะวางขายตามร้าน เมื่อกดซื้อแล้ว จะสามารถอ่าน Lore ได้ผ่านหน้ารายการอาหาร
และก็แน่ๆ ปริศนาที่คนจำนวนไม่น้อยสงสัยเยอะที่สุด เป็นเรื่องราว Star Rail เชื่อมโยงกับ Honkai Impact 3rd ไหม ซึ่งคำตอบก็คือ “ใช่รวมทั้งไม่ในเวลาเดียว”
โดย “ไม่” ในที่นี้ ซึ่งก็คือเรื่องราว Star Rail เป็นเนื้อหาใหม่ใหม่ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเล่นภาค 3rd หรือ Genshin Impact มาก่อน ก็สามารถรู้เรื่องรายละเอียดได้
ส่วน “ใช่” ในที่นี้ เป็นพวกเราได้มองเห็นผู้แสดงจาก 3rd มาแสดงตัวในภาค Star Rail อีกรอบ แต่ว่าลักษณะนิสัย หน้าที่ มีการเปลี่ยนจากเกมภาค 3rd อย่างสิ้นเชิง เช่น “Bronya Zaychik” จาก 3rd ถูกเปลี่ยนแปลงชื่อสกุลใหม่เปลี่ยนเป็น “Bronya Rand” รวมทั้ง Seele ใน Star Rail ถูกเปลี่ยนแปลงบุคลิกลักษณะใหม่แปลงเป็นสาวห้าว หรือแปลว่านักแสดงภาค Star Rail เป็นคาแรคเตอร์ “Alternate” หรือผู้แสดงจากต่างจักรวาลก็ว่าได้
ท้ายที่สุด Star Rail เป็นแผนที่ครึ่งหนึ่ง Open-World ที่แม้เดินทางผ่านไปอีกแผนที่หนึ่ง จึงควรใช้เวลารอดาวน์โหลดฉากทุกคราว เพราะฉะนั้นคนไหนกันแน่ใช้เครื่องใช้ไม้สอยที่มีสเปกต่ำ บางทีอาจจะประสบพบเจอปัญหาเกมดาวน์โหลดฉากช้าตามมาด้วย
ไม่เหมือนกับเกมภาค 3rd อย่างสิ้นเชิง ใน Star Rail เป็นเกม RPG Tactical ที่ใช้ระบบการต่อสู้การผลัดเทิร์น ไม่ใช่เกมแนวแอ็กชันเสมือนผลงานเกมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
นักแสดงใน Star Rail ได้แบ่งความแรร์ออกเป็น 2 จำพวก ระหว่างตัว 4 ดาวกับตัว 5 ดาว โดยบางผู้แสดงสามารถปลดล็อกได้จากการเล่นเรื่องราว หรือจัดการความท้าต่างๆแต่ว่านอกนั้น ผู้เล่นจำเป็นต้องปลดล็อกนักแสดงจากผู้กระทำดกาชาเพียงแค่นั้น
ในเกมนี้ ผู้เล่นสามารถจัดกลุ่มงานเลี้ยงได้สูงสุด 4 คน โดยแต่ละตัวมีการจู่โจมแบบธาตุไม่เหมือนกัน ดังเช่นว่า สายกายภาพ สายน้ำ สายลม สายไฟ สายฟ้า สายควอนตัม และก็ภาพลักษณ์ ซึ่งทุกมอนสเตอร์ได้มีการเจาะจงธาตุที่แพ้ทางอย่างเห็นได้ชัด เพื่อผู้เล่นสามารถเลือกจู่โจมศัตรูแบบทำลายข้อบกพร่องได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากนั้น ตัวเกมได้กำหนด “Path” หรือหน้าที่หน้าที่ของผู้แสดงอย่างแจ่มแจ้ง ดังเช่นว่า “เผาผลาญ” ย้ำการต่อสู้แนวหน้า, “สงวน”นักแสดงเน้นย้ำเพิ่มเกราะคุ้มครอง, “ล่าฆ่า” ย้ำกระบวนการทำ DMG ศัตรูตัวเดียว แล้วก็อื่นๆรวม 7 Path ที่มีให้เล่นในตอน Closed Beta
ส่วนข้างไหนเป็นผู้เริ่มเทิร์นจู่โจมก่อนนั้น ก็วินิจฉัยกันตอน Free Roam ที่ถ้าผู้เล่นกดจู่โจมโดนศัตรูก่อน เกมเมอร์ก็ได้เป็นข้างเริ่มจู่โจม นอกเหนือจากนั้น ถ้าจู่โจมด้วยธาตุที่พวกมันแพ้ทาง ก็สามารถสร้างความย่ำแย่ให้กับคู่อริด้วย แต่ว่าถ้าเกิดศัตรูเป็นข้างจู่โจมก่อน ปรปักษ์ก็จะเป็นผู้ได้เทิร์นแรกไปโดยปริยาย
ในที่สุด ทุกตัวมีสกิลความรู้ความเข้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว แต่ว่านักแสดง 5 ดาวจะมีสกิลแจ่มชัดเจนที่สุด อย่างเช่น Clara มีสกิล Passive พิเศษ ที่ถ้าหากโดนจู่โจมแล้ว Svalog หุ่นยนต์ที่คุ้มครองป้องกันคุณจะจู่โจมศัตรูตัวนั้นกลับในทันที หรือ Bronya มีสกิลส่งเสริมที่เพิ่มบัฟค่า ATK ให้สมาชิก แล้วสมาชิกที่ได้รับบัฟ จะลัดคิวเลือกคำบัญชาจู่โจมได้ในทันที
จากการเล่นเกมหลายชั่วโมง ก็มีความคิดว่า Star Rail เป็นเกมที่มีระบบระเบียบ RPG เล่นง่าย เพราะเหตุว่าตัวเกมมีการบอกข้อมูลของศัตรูมาให้พร้อม รวมทั้งทุกนักแสดงมีหน้าที่หน้าที่แจ่มชัด ทำให้การจัดกลุ่มกับการอัปเกรดนักแสดง เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปราบคอนเทนต์ในตอนต้นเกมได้
แม้กระนั้นแน่ๆ ถ้าหากว่าอยากปราบโหมดท้าพิเศษ หรือเอาชนะคอนเทนต์ในตอน Endgame การอัปเกรดเลเวล กรวยแสงสว่าง (การ์ดอาวุธ) Trace (ความชำนาญนักแสดง) รวมทั้งการใช้รีลิกส์ให้ตรงกับความรู้ความเข้าใจผู้แสดง (ซึ่งก็คือ Artifact ใน Genshin Impact ที่แปลงชื่อเฉยๆ) ก็เลยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ แม้ต้องการปราบคอนเทนต์ เพื่อรับรางวัลเพชรกาชาทั้งสิ้นที่เกมเสนอมา
จากการเล่นหนแรก พบว่าระบบหลายชนิดของ Star Rail (นอกจากเกมเพลย์) ได้ขอยืมมาจาก Genshin Impact เกือบ 100% ดังนั้นถ้าหากคิดว่าใบหน้า HUD, UI, ระบบความก้าวหน้า, ระบบ Energy Stamina, การปลดล็อก และก็ฯลฯ มันคล้ายกับ Genshin Impact ซะอย่างมาก ก็จำต้องไม่สนเท่ห์ใจ เพราะว่ามั่นใจว่าผู้ที่ติดตามเกมค่าย HoYoverse มาตลอดก็คงจะจะต้องรู้สึกอย่างงั้นเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นการฟาร์มรีลิกส์, หนังสือ EXP, ของอัปเกรดกรวยแสงสว่าง, การปรับปรุงแก้ไข Puzzle, การเปิดหีบโภคทรัพย์, ข้อตกลงสำหรับเพื่อการปลดล็อกเควสต์หลัก, ความท้าพิเศษ, ระบบสุ่มอัปเกรด Substats กับการรับรางวัลรีลิกส์จากการปราบ “Past Legacy” ซึ่งก็คือระบบจาก Genshin Impact ที่เอามาแปลงชื่อใหม่ให้กับธีม Star Rail
ถึงแม้ว่าจะมีระบบระเบียบใหม่ อย่างเช่น Trace ที่เป็นการอัปเกรดความถนัดแบบร่างต้นไม้ แล้วก็โหมดความท้า “Simulated Universe” ที่ใส่ส่วนประกอบของ Roguelike เข้าไป กับโหมด Fightclub สะสมคะแนนจากแนวทางการทำ Objective แม้กระนั้นโดยรวมแล้ว ฟีพบร์หลายสิ่งหลายอย่างของเกมนี้ เอามาจาก Genshin Impact แล้วมาดัดแปลงให้กับเกมแนว Tactical มากขึ้นเรื่อยๆ
จุดอ่อนหลักที่ประสบพบเห็นใน Star Rail ในตอนทดลอง Closed Beta รอบสอง เป็นการแปล Localization มีการใช้ศัพท์เฉพาะทางมากจนเกินความจำเป็น อาจส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยรู้เรื่องรายละเอียดได้ยากบางคราว
นอกจากนั้น ด้วยธรรมชาติของเกมแนว RPG ผลัดเทิร์นที่มีเกมเพลย์ช้าอยู่แล้ว ก็มีผลทำให้วิธีการทำภารกิจรายวันให้สำเร็จนั้นช้ากว่าเกมกาชาอื่นๆอย่างชัดเจน ถึงแม้ในฉากต่อสู้จะมีฟีพบร์เร่งความเร็วของเกม แล้วก็เลือก Auto-Play แต่ว่าจะดีมากกว่านี้ ถ้าเกิดพวกเราสามารถกดผ่านฉากแอนิเมชันการใช้ท่าทีเด็ดได้
โดยรวมแล้ว Honkai: Star Rail เป็นเกม RPG ที่เล่นง่าย มีเรื่องราวการเสี่ยงอันตรายน่าตื่นตาตื่นใจ ผู้แสดงมีเอกลักษณ์ แล้วก็มีระบบระเบียบเกมเพลย์สนุก แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เช่นเดียวกันว่าระบบสุ่มรีลิกส์ กับ Substats อาจก่อให้ Star Rail เปลี่ยนเป็นเกมฟาร์มเมืองนรกในตอน Endgame เหมือน Genshin Impact
แม้กระนั้นถ้าเกิดละเลยประเด็นการทำ Min-Max นักแสดงไปได้ แล้วสนุกไปกับเรื่องราว การอัปเกรดกลุ่มแบบค่อยเป็นได้ แล้วก็เกมเพลย์เพลิดเพลินๆHonkai: Star Rail นับว่าเป็นหนึ่งในเกมกาชาจากค่าย HoYoverse ที่น่าจับดู