นับว่าเป็นปีที่ดุเด็ดเผ็ดมันสำหรับแฟนเกม FPS อย่างแท้จริง เพราะว่าเกมระดับ AAA ต่างรวมตัวกันมาเปิดให้บริการในช่วงท้ายปีนี้กันหมด ไม่ว่าจะเป็น Battlefield 2042, Call of Duty: Vanguard แล้วก็ปีนี้ยังมีคนกระโดดมาร่วมวงเพิ่มเติมเกม โน่นเป็น Halo Infinite ที่โหมดออนไลน์เปิดให้เล่นกันแบบฟรีๆไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อเพิ่ม
เกมส์มาใหม่ ทำให้แฟนเกมผู้คนจำนวนมากได้โอกาสได้สัมผัสหนึ่งในซีรีส์เกมยิงระดับตำนานเกมนี้ และก็มันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน วันนี้ชวนเจอกับบทความรีวิว Halo Infinite Multiplayer แน่ๆว่า เนื่องจากว่ามันเป็นโหมดออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนั้นพวกเราจะเข้ามากล่าวในส่วนของ Presentation กันเลย เนื่องจากไม่มีโหมด Story ให้เอ่ยถึงกันอยู่แล้ว โหมดมัลติเพลเยอร์ของเกมนี้ในขณะนี้จะมีทั้งหมดทั้งปวง 10 แผนที่ แบ่งเป็นโหมด Quick Play 7 แผนที่ รวมทั้งโหมด Big Team Battle อีก 3 แผนที่ รวมทั้งจะมี Objective ของโหมดเกมมาเป็นข้อตกลงสำหรับการเอาชนะ และก็โหมดเกมนี้ก็ค่อนข้างจะนานัปการด้วย
สเกลของเกม Halo Infinite นั้น จำเป็นต้องพูดว่ามันเป็นการออกแบบเกมมาให้อยู่กึ่งกลางระหว่างผู้เล่นที่ถูกใจการต่อสู้ขนาดเล็กอย่าง Call of Duty รวมทั้งถูกใจการต่อสู้ขนาดใหญ่ แม้กระนั้นไม่ใหญ่เท่า Battlefield 2042 เกมนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างยกให้คุณทั้งสิ้น แถมยังพอดีมากมายๆสำหรับโหมด Quick Play นั้น จะเป็นโหมดเกมการเล่นขนาดเล็กแบบ 4vs4 รวมทั้งมีโหมดแบ่งย่อยลงไปอีก ตัวอย่างเช่น Capture the Flag หรือโหมดยึดธง ที่คนไม่ใช่น้อยสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นโหมดที่สนุกสนานมากมายๆของ Halo ซึ่งการยึดธงนั้นจะมีทั้งยังแบบยึดธงเดียวแล้วชนะจบเป็นบริเวณไป หรือยึดให้ได้ 3 ธงถึงจะจบ / โหมด Strongholds ที่พวกเราจะต้องยึดพื้นที่ให้ได้อย่างต่ำ 2 ใน 3 จุด และก็ยังมีโหมดคลาสสิคอย่าง Slayer หรือถ้าเกิดพูดง่ายๆก็คือ Team Deathmatch โหมดนี้ปริมาณแผนที่ที่รองรับจะสูงที่สุดด้วยเหมือนกัน
ขณะที่โหมด Big Team Battle จะเป็นสนามรบการต่อสู้ขนาดใหญ่ระดับ 12vs12 (รวม 24 คน) และก็มีโหมดแบ่งย่อยลงไปเป็น Total Control ที่เป็นการยึดจุดอีกทั้ง 3 ให้ได้ทั้งปวง ถึงจะได้แต้ม / Stockpile อันนี้สนุกสนานมากมาย เนื่องจากพวกเราและก็กลุ่มจำเป็นจะต้องร่วมมือกันลักขโมย Power Seed กลับมาใส่ที่ฐานของพวกเรา เมื่อใส่ครบ 5 อันจะได้ 1 คะแนน กลุ่มไหนได้ 3 คะแนนก่อนก็ชนะไป และก็หนวุ่นวาย ดุดัน ลุ้นระทึกกันมากมายเป็น Capture the Flag ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น โดยพวกเราจำเป็นจะต้องกระทำลักขโมยธงศัตรูกลับมาที่ฐานของพวกเรา แม้กระนั้นด้วยสเกลผู้เล่นขนาด 24 คน ไม่ต้องบอกก็อาจจะพอเพียงจะทายใจกันออกอยู่แล้วว่ามันจะวุ่นวาย ดุเดือดเลือดพล่านแค่ไหนในแต่ละรอบ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบแผนที่นั้น นับว่าทำออกมาได้ดิบได้ดี จากที่เล่นมา แต่ละแผนที่ก็จะมีจุดยุทธศาสตร์เป็นของตนเอง ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นคนใหม่บางครั้งอาจจะจำต้องกระทำการจำ รวมทั้งเล่าเรียนแต่ละจุดในแผนที่ให้ดี เนื่องจากการทราบแผนที่ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว นอกนั้นเกมนี้ การทราบแผนที่จะมีส่วนกับเกมเพลย์การเล่นสำหรับในการได้ไอเทมพิเศษ หรือจุดที่ยานพาหนะดคอยปลงมาด้วย การเข้าถึงข้าวของเหล่านี้ก่อนก็อาจจะก่อให้มีการเหนือกว่าเสียเปรียบกันขึ้นมา
นอกเหนือจากนี้ เนื่องจากว่าตัวเกมเป็นเกมเล่นฟรี สิ่งที่เกมพ่วงเสนอมาให้เป็นระบบ Progression ของผู้แสดงผ่านสิ่งที่เรียกว่า Battle Pass ที่คงจะมองเห็นกันดูเหมือนจะทุกเกมในสมัยปัจจุบันอยู่แล้ว รวมทั้งส่วนของการแก้ไขต่างๆจำต้องพูดว่าเกมนี้นั้นมีออกจะน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเน้นย้ำไปที่ชุดเกราะ แล้วก็องค์ประกอบต่างๆของผู้แสดง ส่วนปืนนั้นแต่งได้น้อยมาก สรับประทานก็ไม่ค่อยจะมี เป็นเกมนี้จะเน้นย้ำไปที่การแก้ไขผู้แสดงแล้วก็พวก Nameplate (ป้ายชื่อ) มากยิ่งกว่า พวกชุดเกราะนี่ แต่งได้จนกระทั่งส่วนไหล่ ส่วนเกราะอกกันอย่างยิ่งจริงๆ จะไม่กซ์ให้มันมีหลากสีก็ยังได้ ส่วนปืนนั้น ไม่ค่อยให้ความเอาใจใส่นัก โดยมากจะเป็นการเปลี่ยนสีแค่นั้น ผู้ใดกันที่ไม่ค่อยอินกับแฟชั่นก็ไม่มีปัญหา ส่วนผู้ที่อินกับแฟชั่นก็จะเสียเงินเสียทองน้อยหน่อยนั่นแหละ ยกเว้นบางบุคคล ที่มองเห็นอะไรงามๆเด่นกว่าคนอื่นๆมิได้ จำเป็นต้องเสียตังค์ทุกครั้ง อันนี้ก็คงจะไม่รอดดังเดิม