เรื่องราวของชาวกลุ่มม่วงกลับมาอีกรอบ ในคราวนี้มันจะรั่วขึ้นกว่าเดิมไหม ขอเชิญชวนเจอกับ รีวิว Saints Row
คุณกับกรุ๊ปเพื่อนพ้องๆพนักงานประจำสามคน ประกอบไปด้วย Neenah, Kevin และก็ Eli อาศัยอยู่ใน Santo Ileso เมืองสมมุติสุดไม่มีอารยธรรมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ คุณอีกทั้งสี่ดำเนินการแยกกันคนละส่วน อยู่คนละกลุ่ม รับเงินเดือนแยกกัน คุณปฏิบัติงานให้กับ Marshall บริษัทรักษาความปลอดภัยของเอกชน Neenah ดำเนินงานให้กับกลุ่ม Los Panteros มาเฟียมอเตอร์เขตแดน ส่วน Kevin รวมทั้ง Eli ปฏิบัติงานให้กับกลุ่มผู้ร้าย The Idols
แม้กระนั้นวันหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังปฏิบัติงาน เหตุอะไรบางอย่างก็เกิดขึ้น ทำให้อีกทั้งสามกลุ่มที่คุมอำนาจทั่วเมืองกระหน่ำคุ้นเคย รวมทั้งเมื่อเพื่อนฝูงทุกคนอยู่คนละฝั่งกันหมด งานนี้พวกเขาเลยแยกตัวออกมา รวมตัวกันเองเพื่อยึดความเป็นเลิศในเมืองนี้ไว้ ในฐานะกลุ่มใหม่ นามว่า Saints บอกก่อนคนไหนกันแน่ที่มีความรู้สึกว่าเอ้ ภาคนี้มันจะเป็นรีบูทแบบเล่นๆเสมือนเกม หรือภาพยนตร์ที่ผ่านมาหรือไม่ ที่จะถูกใจโยงจุดใดจุดหนึ่งเข้าพบภาคก่อนหน้าจนได้ ถ้าเกิดคนไหนกันแน่คิดอย่างนั้น บอกเลยครับผมว่ามันไม่ใช่ นี่เป็นการรีบูทจริงๆกล่าวได้ว่าตั้งแต่พื้นฐานของตัวเกมเลยก็ได้ ถ้าหากคุณเคยสัมผัสสามภาค 1-3 และก็ 4 มาก่อน จะมีความคิดว่ามันอิรุงตุงนังมากมาย ภาค 1-2 ซีเรียส ภาค 3 มาฮา แต่ว่าภาค 4 มาหลุดโลกเลย การรีบูทคราวนี้ก็เสมือนทำให้มันเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ เอาเสน่ห์ของแต่ละภาคมาใส่ทีละน้อยที่ละหน่อย ตู้ม เปลี่ยนเป็นภาคนี้ที่พวกเราได้เล่นกัน
และก็เพราะเหตุการณ์โลกตอนนี้ Saints Row มันเล่นอะไรแบบภาค 3 มิได้อีกแล้ว แบบล้อคนนั้นครั้งคนนี้หนโดยใช้สิ่งที่ไม่สมควรล้อมาเป็นใจความสำคัญ ทำให้ภาคนี้ข้อความสำคัญมันบางครั้งอาจจะมองซอฟต์ลงไปบ้าง เนื่องจากว่าเขาหลบหลีกไม่ให้กระทบไปถึงผู้เล่นทุกกรุ๊ปที่เล่นเกมนี้อยู่ แต่ว่าเขาก็เพิ่มความล้ำยุคเข้ามาแทน ทำให้พวกเราเพียงพอสัมผัสหลักสำคัญได้ รวมทั้งอินกับเหตุการณ์ขึ้น
แม้กระนั้นถามคำถามว่ามันตลกขบขันเท่ายุคภาค 3 หรือไม่ อันนี้บางทีอาจจะจำเป็นต้องแยกเป็นกรณีไป อย่างผมดำเนินการเกี่ยวกับเกม คลุกคลีอยู่กับ Pop Culture มันมีอะไรบางอย่างแบบเดียวกันที่พวกเรามีความรู้สึกว่า คนอื่นๆบางครั้งก็อาจจะไม่รู้เรื่องแน่ๆ แม้กระนั้นพวกเรารู้เรื่อง พวกเราฮา ที่ตรงนี้ก็จำต้องทดลองวัดทดลองเล่นคุ้นเคยว่ามันให้ความบันเทิงได้มากแค่ไหน แม้กระนั้นถ้าหากคุณรู้เรื่องเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ อาทิเช่น NFT คริปโต หรือพวกแอปพลิเคชันรีวิวแล้วล่ะก็ คงจะขำได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใด ผมไม่อยากที่จะให้มุ่งมาดกับเรื่องราวของ Saints Row เยอะแค่ไหน เนื่องจากว่ารายละเอียดมันยังใกล้เคียงกับภาค 3 เป็นมิได้หวังเป็น Long shot ที่ปูนานขนาดนั้น แม้กระนั้นหวังขายตลกขบขันข้างหลังตลาด 10 นาทีต่อมุกมากยิ่งกว่า หากคุณมุ่งหวังอะไรที่มันสม่ำเสมอ ปูยาว จบชั่วร้าย ใจแตกสลายอะไรเทือกนั้น ก็คงจะจำเป็นต้องผิดหวัง แต่ว่าผมว่าอาจจะไม่มีหรอกมั้ง ผู้ที่คาดหมายให้ Saints Row มันมีอะไร ในขณะที่ชื่อมันก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วว่าจำต้องไม่มีสาระแน่ๆ ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ควรจะคาดหมาย เป็นคาดหมายให้เกมมันปฏิบัติหน้าที่ของตัวมันเองดีมากยิ่งกว่า ซึ่งสำหรับผมก็อย่างที่บอก เพียงแค่มันทำให้ผมขำได้ ก็จัดว่า Saints Row ปฏิบัติภารกิจของตนเองแล้ว ในส่วนของคุณก็จำต้องไปลุ้นเอาครับผมว่า มันจะคุ้มหรือไม่ กับราคาที่ต้องจ่ายไป
ย้ายจากอะไรเหล็กๆอะไรน้ำๆมาสู่เมืองใหม่ในประเทศเม็กซิโกอย่าง Santo Ileso นับว่าเป็นก้าวที่ดีสำหรับในการเปลี่ยนแปลงภาพจำของ Saints Row ที่แรกเริ่มมันเป็นเกมในย่านธุรกิจ หันไปไหนมาไหนก็พบแต่ว่าอาคารสูง เปลี่ยนเป็นว่าคราวนี้ หันไปไหนมาไหนก็พบแต่ว่าทะเลทราย และก็เขตทรุดโทรม ให้ฟีลของการ Hustle มากเพิ่มขึ้นกว่าเก่าก่อน แผนที่ภาคนี้นับว่าไม่ใหญ่เท่าใด ถ้าหากคุณผ่านเกมภาคก่อนหน้ามาแล้ว คุณจะมีความรู้สึกว่าเกมภาคนี้แผนที่เล็กที่สุดด้วย โน่นเป็นเพราะเหตุว่าแผนที่ถูกแบ่งได้สองแบบ เป็นเมืองชั้นใน กับพื้นที่เตียนโล่งแบบออฟโรดภายนอก เมืองจะเป็นศูนย์รวม Activity ต่างๆทั้งยังภารกิจ งานเสริม ร้านรวง ส่วนพื้นที่แบบออฟโรดเป็นหลักพื้นที่ว่างๆที่ผมไม่เคยทราบว่าเขามีไปเพราะเหตุไรเช่นกัน
หากให้พูดตรงไปตรงมานี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเรามีความรู้สึกว่า แผนที่มันน้อยลง เนื่องจากว่าสำหรับการเล่นจริง คุณจะได้ออกไปทำธุระในโซนนั้นน้อยครั้งมากมาย มันราวกับมีไว้ให้พวกเรามีความคิดว่ามันเป็นเมืองที่เหมือนจริงมากยิ่งกว่า เป็นในเมืองมันจะเป็นแหล่งเศรษฐกิจ นอกเมืองก็เป็นที่พักที่อาศัย เหมือนแผนที่ในชีวิตจริง
แต่ว่าอย่าลืมว่า Saints Row มันเป็นเกม และก็มันมิได้มีเหตุมีผลอะไรแต่ก่อนให้ออกแบบมาอย่างนั้น เหตุผลจริงๆเป็นเขาอยากได้ใช้วางแบบใหม่ ซึ่งก็คือ Criminal Venture ระบบการยึดพื้นที่เศรษฐกิจให้มาเป็นของกลุ่ม หากคนใดคิดออกภาคก่อนๆพวกเราสามารถซื้อร้านขายของ ซื้ออาคารตามเขตต่างๆเพื่อขยายพื้นที่ เก็บส่วนต่างแปลงเป็น Passive Income เข้ามาโดยที่พวกเราไม่ต้องทำอะไร ในภาคนี้เขาขยายให้มันลึกขึ้นกว่าเดิม ด้วยการยึดตรรกะตามจริงว่า การจะทำธุรกิจอะไรให้เป็นได้โดยดี คุณจำเป็นจะต้องบริหารแล้วก็จัดแจงพื้นฐานด้วยตัวเองซะก่อน
คุณจะได้เลือกชนิดธุรกิจ ที่ตั้ง ด้วยตัวคุณเอง โดยแต่ละธุรกิจก็จะมีภารกิจแตกต่างออกไป สำคัญๆเป็นทำเพื่อมี Passive Income มากขึ้น แน่ๆว่าฉากหน้าของธุรกิจเหล่านี้จะเป็นธุรกิจสายขาวธรรมดา เป็นต้นว่า โรงงานกำจัดขยะเคมี ร้านซักอบรีด ฟู๊ดทรัก แต่ว่าอันที่จริงแล้วมันมีธุรกิจสายมืดผสมปนเปอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังตามสไตล์เกมแนวกลุ่มๆอย่างนี้ ดังเช่นว่า ร้านรับซักผ้าที่แท้ๆแล้วมีไว้เพื่อจัดการ Crime Scene ให้ลูกค้า หรือฟู๊ดทรักที่ซ่อนเร้นสารเสพติดไปส่งด้วย
ที่ตรงนี้ผมว่าเป็นอะไรที่ดีไซน์มาก้าวหน้า รวมทั้งสนุกสนาน เป็นแต่ละสถานที่มันจะมี Backstory แล้วก็รายละเอียดที่ไม่เหมือนกันออกไป ตัวอย่างเช่นร้านค้าฟาสต์ฟู๊ด ที่พวกเราจึงควรชิงความเป็นเลิศในด้านยอดจำหน่าย จากร้านค้าอื่นๆที่อยู่ในแถวนั้น ถ้าเกิดเป็นคนธรรมดา ในเหตุการณ์ธรรมดา แนวทางที่จะเอาชนะด้านยอดจำหน่ายได้ ก็น่าจะเป็นการวางยุทธวิธีการตลาดที่ดี เพื่อแย่งลูกค้ามาจากร้านค้าอื่นๆแต่ว่าสำหรับ Saints Row คุณจะมิได้ทำอย่างนั้น เนื่องจากเกมมันจะให้ท่านขจัดปัญหาด้วยลูกกระสุน โดนแย่งลูกค้าใช่ไหม ช่างเถิด ไปยิงมัน ประเดี๋ยวลูกค้าก็กลับมารับประทานร้านค้าพวกเราเอง เอาจริงเอาจังๆซึ่งมันเพลิดเพลินดี กับทางแก้ปัญหาแบบโผงผางที่เกมมันคิดมาให้พวกเรา
นอกจาก Criminal Venture ก็ยังมี Activity อย่าง Side Job ให้เล่น แม้กระนั้นมิได้จำนวนมากราวกับภาคก่อนหน้า ถ้าหากคุณยังคิดออก ในภาค 3-4 มันจะมีไม่นิเกมเยอะไปหมด ในภาคนี้มันจะมีเพียงแค่แบบหนึ่งถึงสองอย่างแค่นั้นในแต่ละโซน บางอันก็บันเทิงใจ บางอันก็ไม่สนุก อย่าง Riding Shotgun นี่ผมมองเห็นช่วงแรกอย่างโก้เลย การที่ขึ้นไปอยู่บนกระโปรงรถยนต์แล้วยิงตำรวจที่กำลังไล่ล่าพวกเรา เป็นอะไรที่เยี่ยมอย่างบอกผิด แต่ว่าพอเพียงเล่นอันที่จริงแล้วก็ไม่เอาดีมากยิ่งกว่า ซึ่งมันออกแบบมาแบบครึ่งๆกลางๆแถมยังยากโดยใช่เหตุ
อันที่ผมถูกใจจริงๆเป็นภารกิจที่ให้พวกเราไปรีวิวห้องอาหาร หน้าที่ของพวกเราเป็นเดินไปร้านค้าจุดมุ่งหมาย เสร็จแล้วจะรีวิวอย่างไรก็ได้ แม้กระนั้นขอให้ต่ำลงยิ่งกว่า 5 ดาวเป็นอย่างต่ำ ยิ่งต่ำมากแค่ไหนพวกเราจะยิ่งดุด่าร้านค้าแรงมากมายแค่นั้น และก็เมื่อพวกเราดุเสร็จแล้ว ร้านค้าก็จะส่งสมาชิกมาเฟียที่ดูแลเขตแถวนั้น มาไล่เก็บพวกเรา ซึ่งผมว่ามันเป็นออกแบบที่ฮา แถมกับช่วงปัจจุบันมากมาย ทำนองว่าในโลกจริงคุณโพสต์รีวิวเลียนแบบๆจู่โจมผู้ใดก็ได้ ช่างเถิด ไม่มีผู้ใดมาตามล่าคุณ แม้กระนั้นใน Saints Row คุณทำแล้วคุณจำเป็นต้องคอยรับกรรม เป็นปากเสียได้ แต่ว่าก็จำต้องพร้อมบวกด้วย
กลับมาเอ๋ยถึงภารกิจหลักกันบ้าง ภารกิจหลักในเกมนี้จะแบ่งได้เป็นสามแบบหมายถึงภารกิจเรื่องราว ภารกิจเพื่อเพื่อนฝูง รวมทั้งภารกิจเพื่อกลุ่ม เป็นจริงๆเกมมันก็มิได้บอกพวกเราหรอกว่าภารกิจนี้เป็นแบบไหน แต่ว่าถ้าหากเล่นๆไปจะทราบเองว่ามันเป็นภารกิจอะไร
วางแบบโดยรวมของภารกิจหลักของทุกภารกิจจะคล้ายคลึงกัน เป็นรับภารกิจจากคนใกล้ตัว ไปฝ่า รวมทั้งจบภารกิจ ซึ่ง Saints Row จะดีไซน์ภารกิจมาแบบหละหลวมๆมิได้มีการเชื่อมต่อถึงกันนักแบบยุคภาค 3 ที่ย้ำเป็นภารกิจแบบจบในตัว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีทิ้งเชื้อไว้บ้างแต่ว่าไม่เยอะแยะ สำคัญๆเป็นเขาต้องการให้พวกเราจุดโฟกัสในส่วนที่เขากล่าวว่า ให้ฝ่า นี่ล่ะ
เนื่องจากเขาใช้แนวทางออกแบบภารกิจในแบบที่ไม่เหมือนกับภาคอื่น ด้วยการยัดสคริปต์มันให้หมดทุกภารกิจ จากเดิมเวลาพวกเราเล่นเกม Open World มันจะมีภารกิจแบบ ขับขี่รถไปตรงนั้นตรงนี้แล้วยิง ขับขี่รถไปต่ออีกจุดมุ่งหมายแล้วยิง ไปเรื่อยแม้กระนั้นใน Saints Row มันจะไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะเซ็ตสคริปต์มาให้เลย ไม่ว่าจะเป็นหลักที่เปิด พื้นที่ปิด มันจะไม่มีแบบสักครู่ย้ายไปย้ายมา หรือซิกข์แซกซ่อกแซ่กอะไรได้
นี้มันก็มีจุดเด่นในด้าน Impression เพราะเหตุว่าแต่ละฉากมันไม่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด คุณจะได้ฟีลแบบเล่นเกมเอาอย่างหนังแอคชันหลายๆเรื่อง บางฉากวางแบบมามหาศาลเพื่อดึงอารมณ์ความสนุกสนานร่าเริงออกมาให้ผู้เล่นอย่างเต็มที่ ซึ่งนี้เขาก็ทำเป็นตามมาตรฐาน ซึ่งมันสนุกสนาน มันรู้สึกถึงความใหญ่โต อย่างที่เขาอยากที่จะให้เป็น
แม้กระนั้นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียดาย เป็นเรื่องราวมันสั้นมากมาย ผมจำไม่ได้ว่าเล่นไปนานเท่าใด แม้กระนั้นจำได้แม่นว่าใช้เวลาสองวัน และไม่ได้นั่งพักผ่อนตลอดด้วย นั่งพักผ่อนเพียงแค่วันละไม่ถึง 4 ชั่วโมง ผมสามารถจบเกมนี้ได้ แม้ว่าจะเอาเวลาส่วนใดส่วนหนึ่งไปเล่น Criminal Venture ไปได้ตั้งกึ่งหนึ่ง หมายความว่าภารกิจหลักในเกมนี้มันมิได้มีมากมายเหมือนอย่างที่คิด แถมภารกิจหนึ่งเล่นได้ไม่เกิน 20 นาทีเพียงแค่นั้น ทำให้ภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ภารกิจหลัก สั้นที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับเกมภาคก่อนๆ
มองเห็นประชาชนได้รับความนิยมความเป็น RPG กันซะมากในยุคนี้ ตอนต้นที่ดูตัวอย่าง พวกเราก็แอบหวาดหวั่นๆดวงใจหน่อยเดียวว่าภาคนี้มันจะเป็น RPG หรือไม่ มองเห็นศัตรูมีหลายแบบ มีเส้นเลือดให้มองเห็น ก็เลยคิดไปว่าจำต้องใช่อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมาทดลองเล่นมองจริงๆSaints Row ในภาคนี้มีระบบระเบียบอัพเกรดผู้แสดง แต่ว่ามันไม่ใช่ RPG อย่างที่พวกเราคิด ถ้าหากใครกันแน่คิดออก ในภาคก่อนหน้ามันก็มีระบบระเบียบอัพเกรด ที่คือการใช้เงินอัดเข้าไปเพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจของผู้แสดง ให้เหนือมนุษย์ขึ้นเรื่อยแต่ว่าในภาคนี้เขาไม่ทำอย่างงั้น เขาแยกความแข็งแกร่งของผู้แสดงออกมาเป็น Perk และก็ Skill ซึ่งสองสิ่งนี้จะแยกกัน
Skill แบ่งได้สองแบบหมายถึงActive กับ Passive โดยทั้งสองชนิดจะได้มาฟรีๆจากการที่พวกเรา Level Up ทุกคราว สกิลแบบ Active เป็นสกิลแบบกดใช้ พวกเราสามารถนำไปใส่ Hotkey และก็ใช้งานมันได้ตามเหตุการณ์ จำนวนมากจะเป็นสกิลจำพวกเหนือมนุษย์ ย้ำฮา อะไรก็ว่ากันไป ส่วน Passive ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ยากๆได้แก่ การเพิ่มเลือด และก็เกจท่าทีเด็ดที่เอาไว้ให้สกิล Active
ส่วน Perk เป็นเสมอเหมือนของใหม่ในภาคนี้ เพราะว่ามันไม่มีในภาคก่อนๆหน้าที่ของมันเป็นเสริมคุณสมบัติพิเศษแบบ Passive ให้กับผู้แสดง ดังเช่นว่า คุณยิงแบบ Hip Fire แม่นขึ้น ดูดเงินและก็ลูกปืนเข้าพบตัว ฯลฯ สำคัญๆแล้วจะก่อให้เกมเพลย์แปรไป โดยพวกเราใส่ Perk ได้ถึง 5 อย่าง แต่ว่ากระบวนการปลดล็อคจะออกจะยาก เป็นจำเป็นจะต้องทำ Challenge ต่างๆที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจหลักให้เสร็จตามปริมาณที่ Perk นั้นๆกำหนดไว้ แถมยังจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อปลดล็อคช่องใส่อีก คุณถึงจะสามารถใช้งานมันได้
รวมๆแล้วนับได้ว่าเป็นของใหม่ใน Saints Row ที่น่าดึงดูด แม้กระนั้นหากคนไหนกันแน่เล่นภาคเก่ามาก่อน จะรู้ดีว่า The Boss ของพวกเราโดนเนิร์ฟออกจะแรงอยู่แบบเดียวกัน เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพวกเราอัพเกรดนักแสดงได้ดูเหมือนจะทุกด้าน แม้กระนั้นในภาคนี้เสมือนจะถูกจำกัดไว้เพียงแค่ 5 ช่องแค่นั้น วางแบบนี้ทำให้ผมรำลึกถึง Agent Mayhem เกม Spin-off จากซีรีส์นี้ล่ะ แต่ว่าขายไม่ดีเขาเลยไม่ทำต่อ
สิ่งที่ทำให้ผมคิดถึง Agent Mayhem เว้นเสียแต่ Perk แล้ว ระบบต่อสู้โดยรวมของภาคนี้ มันเกือบจะชูจาก Agent Mayhem มาเลย เป็นเป็นมุมมอง Third Person แบบหัวไหล่ มี FoV ที่ไม่กว้างแบบยุคภาค 3-4 มีการกดท่า Finisher ที่เหมือน Ultimate Skill มากมาย ราวกับเขาพึงใจกับออกแบบอย่างงี้ เอาจริงเอาจังๆในด้านความต่าง มันนับได้ว่าเป็นออกแบบที่ต่างจากเกม Open World สไตล์กลุ่มๆเกมอื่นอยู่พอเหมาะพอควร เป็นเขาบากบั่นจะแสดงให้เห็นว่า นี่เป็นออกแบบการต่อสู้ที่ซีเรียสมากยิ่งกว่าเดิมนะ เนื่องจากควรมีแทคติกสำหรับการเล่น มีประเภทของศัตรู ให้มีความคิดเห็นว่าจะต้องคิดแผนมากยิ่งขึ้นกว่าเกมภาคก่อนหน้า แม้กระนั้นเท่าที่ผมเล่น ผมก็มิได้มีความรู้สึกว่ามันจำเป็นต้องคิดแผนอะไรขนาดนั้น ศัตรูมีหลายประเภทจริง มีกลไกพวกโล่ พวกอะไรแบบงี้จริง แม้กระนั้นมันก็มิได้เป็นรูปแบบของค้อนกรรไกรกระดาษ เป็นพวกเราไม่ต้องหาแนวทางแก้เลย เอาปื